สักกำบ๋อ “ไก่” บิดาแห่งการจมเรือ

สักกำบ๋อ “ไก่” บิดาแห่งการจมเรือ


สุดติ่งกระดิ่งแมวกับความเยี่ยมยอดของแข้ง สเปอร์ส ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้ด้วยการคว่ำ แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาดิโอล่า 1-0

ไม่ใช่คำพูดลอยๆ “งูเหลือมกับเชือกกล้วย” แต่เป็นรูปแบบการเล่นที่ “คลับไก่” เลือกใช้มาตลอดในการกำราบ “เรือใบ” แม้กระทั่งในวันที่ไม่มี อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ข้างสนาม

ทั้งสองทีมต่างมีไพ่ในมือ คนเคยๆรู้ว่าจะเล่นแบบไหนแต่กลายเป็นว่า ซิตี้ มาเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม กลับบ้านมือเปล่าเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันเข้าให้แล้ว

เด็กๆของ เป๊ป ยังไม่จำบทเรียนในเกมที่ เอติฮัด กับวิธี build up หน้าปากประตูแบบสุ่มเสี่ยงจนเสียประตูแทบจะถอดแบบกันมา

ปลายเดือนที่แล้ว เอแดร์ซอน พลาด วันนี้เป็นคิวของ โรดรี้ ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์ทั้ง 2 คนก็รู้และเห็นอยู่เต็มตาว่ามีผู้เล่นของ สเปอร์ส เพรสติดตัวและเพื่อนไม่พร้อมเล่น (แต่ก็ยังจะเลือกจ่าย)

คำถามคือ โรดรี้ คิดอะไรในเมื่อการตัดสินใจง่ายๆอย่างเช่นคืนหลังให้ เอแดร์ซอน เป็นชอยส์ที่ดีที่สุดและเซฟที่สุดแต่กลับจ่ายแบบฝืนๆยัดไปหน้าเขตโทษ

ประเด็นคือคนที่ส่งไปให้คือเจ้าหนู ลูอิส แข้งวัย 18 ปีที่โอเคฝีเท้าโตเกินตัวแต่อย่างที่บอกมันไม่มีหนทางอื่นให้เล่นนอกจากส่งบอลพร้อมขี้เหลวๆมีเศษผักติดมาด้วยขนาดนั้นเลย?

บอลวิ่งมาได้ครึ่งทาง ฮอยแบร์ก วิ่งแซงหน้า ลูอิส ที่ยืนขาตายไม่คิดว่าพี่ชายจะบ้าเล่นอะไรแบบนี้

วันนั้นพลิกกลับมาชนะ 4-2 แต่ครั้งนี้ถึงกับแพ้ ความเสียหายประเมินค่าไม่ได้เมื่อนี่คือโอกาสจี้ อาร์เซนอล ที่ชิงแพ้ตั้งแต่วันเสาร์เข้ามาเหลือแค่ 2 แต้ม ทำตัวเองแท้ๆ

การยึดถือ “ปรัชญา” การเล่นของตัวเองควรมีลิมิตบ้างนะครับ ผมไม่รู้ เป๊ป เห็นดีเห็นงามหรือจะ treat ลูกทีมจริงจังแค่ไหนเพราะแผลเดิมที่เคยโดนผ่านมาไม่กี่สัปดาห์เอง

การที่ครึ่งแรกไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ (ที่ไม่ฟิต) เราเห็นได้เลยว่า แมนฯซิตี้ ขึ้นเกม “เอ้อระเหย” สปีดบอลช้ามาก บอลไปดีเลย์ที่เหล่าผู้เล่นด้านข้างที่มักจะยึกยักจน เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หายไปจากเกมนี้

โอกาสดีที่สุดมาจากการยิงชนคานของ มาห์เรซ​ ช่วงท้ายครึ่งแรก ที่เหลือไฮท์ไลท์ของทีมเยือนเป็นการประท้วงจะเอาจุดโทษอยู่ 2-3 หน

เล่นแบบนี้เข้าทาง “ไก่เดือยทอง” ที่หลัง 3 มีวิงแบ็คซ้อน ดีเลย์ช่วยให้เขาลงมายืนออกันหน้าเขตโทษเต็มไปหมด

2 จุดแข็งที่ยังทำให้เจ้าบ้านเล่นกับ ซิตี้ ทีไร “ข่ม” มิดคือการเข้าบอลที่เฉียบขาดและโต้กลับอย่างมีประสิทธิภาพ

ฮอยแบร์ก และ เอแมร์ซอน รอยัล ผมไม่ใช่แฟน “ไก่” แต่กลับรู้ฮึกเหิมไปด้วยเวลาเห็น 2 คนนี้เข้าบอลมันตีนดีเหลือเกิน

เฉกเช่นเดียวกับอาวุธลับที่ผมเชื่อว่า สเปอร์ส เป็นทีมที่เล่นโต้กลับได้ดีที่สุดยามเจอ ซิตี้ การหันหลังพิงบอลของ แฮร์รี่ เคน เป็นเต้ยในยุทธภพ

เพื่อนร่วมทีมมั่นใจว่า “กัปตันทีมชาติอังกฤษ” งัดท่าไม้ตายนี้เมื่อไหร่ ไม่ต้องไปช่วยแกเอาตัวรอดไม่เสียบอลแน่ๆ

ลายเซ็นจ๋าของ เคน ที่วันนี้ยิงประตูทำลายสถิติดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรทำให้เพื่อนร่วมทีมวิ่งเป็นหนูถีบจักรหาช่องกันอย่างสนุกสนาน

ความวูบวาบของ ซน เฮือง มิน และ คูลูเชฟสกี้ รวมถึง เปริซซ ทำให้รูปแบบการเคาเตอร์ของ สเปอร์ส อันตรายทุกๆครั้งซึ่งเป็นการขู่ฝั่ง ซิตี้ ให้ดันเกมรุกได้ไม่เต็มแรงม้าไปในตัวด้วย

ความโชคดีของแข้ง “ไก่” คือเหลือ 10 ตัวในช่วงที่เวลาเหลือน้อยมากๆ (นาที 87)

และ โรเมโร่ ควรตระหนักว่าการเก็บใบเหลืองไว้ใช้ในยามคับขันสำคัญกว่าการไล่เตะเอามันในพื้นที่ๆไม่ใช่ในแดนตัวเอง (เสียบ ฮาลันด์ ตามอารมณ์ของเกม)

เกมของ ซิตี้ ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อ KBD ลงมา การออกบอลไม่ต้องมากจังหวะสร้างโอกาสให้ทีมได้มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆก่อนหน้านี้ที่มักจะแต่งบอลและเล่นมากครั้งแบบฟุตซอลมากเกินไปหน่อย

ปกติ สเปอร์ส เป็นทีมที่ไม่สนใจเรื่องการครองบอลเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเจอกับทีมไหน ดังนั้นตัวเลข 64 ต่อ 36 ตลอดทั้ง 90+7 หาใช่บทสรุปว่าใครคือพระเอกหรือตัวร้าย

วิธีปราบ “เรือใบ” ต้อง “เป๊ะ” ในหลายๆภาคส่วนซึ่ง สเปอร์ส ทำได้ perfect ทั้งความขยัน, ทีมเวิร์ค, สมาธิในเกมรับและสำคัญ ญอริส ไม่วางระเบิดทีมตัวเอง

เต็ม 10 ไม่หัก…. 3 แต้มใหญ่เท่าอวกาศ การไล่ล่า top 4 กับคุณภาพทีมในวันนี้คู่ควรจริงๆครับ….

สถิติ สถิติ สถิติ

แฮร์รี่ เคน เป็นนักเตะคนที่ 3 ที่ยิง 200 ประตูใน “ลีก” ต่อจาก อลัน เชียร์เรอร์ (260) และ เวย์น รูนีย์ (208) โดย เคน ยิง 200 ลูกจากการลงเล่น 304 เกมซึ่งน้อยกว่า เชียร์เรอร์ (306) และ รูนีย์ (462)

นอกจากนี้ เคน ยังกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรหลังกดลูกที่ 267 แซงหน้า จิมมี่ กรีฟส์ ที่อยู่ยงคงกระพันมานานกว่า 50 ปี (เคน ลงเล่น 416 เกม/ปู่กรีฟส์เล่น 379 เกม)

แมนฯซิตี้ แพ้ 5 เกมในการมาเยือนที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียมโดยทำประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวจากความพยายามยิงมากถึง 84 ครั้ง

หากนับทุกรายการที่ลงเล่นตอนนี้ “เรือใบ” แพ้นอกบ้าน 3 เกมติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน (ลีก คัพ) และอีก 2 ในลีกกับ แมนฯยูฯ รวมถึงล่าสุดกับ สเปอร์ส