โกเมซ ร่างทอง ผู้ตัดสินร่างทรง

โกเมซ ร่างทอง ผู้ตัดสินร่างทรง

โกเมซ ร่างทอง ผู้ตัดสินร่างทรง

ก่อนจะเข้าบทความประจำวันนี้ผมขอกราบแทบตัก เดอะ ค็อป ทุกท่านหลังฟันธงก่อนแข่งว่า ลิเวอร์พูล แพ้ แมนฯซิตี้ เละคาบ้าน 5-1

บางคนบอกผมแก้เคล็ด ไม่ใช่ครับ…เหตุผล 3 ข้อหลักๆคือ 1. ผมไม่เชื่อในเกมรับ “หงส์แดง” ที่โดนคู่ต่อสู้ยิงนำก่อน 10 จาก 12 เกม ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่อยู่ดีๆจะมายัน ซิตี้ ที่มีสถิติยิงประตูมากที่สุดในลีก (33 ลูก)

2. กลัวใจ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ถือโอกาสใช้ แอนฟิลด์ ปลุกเร้าแฟนและลูกทีมโค่น ซิตี้ จนลืมดูศักยภาพตัวเอง

และ 3. ต่อจากข้อ 2 เมื่อโดนลูกแรกด้วยความเป็น JK “สู้ตายดีกว่ากันตาย” ศัพท์สนุ๊กของน้าศักดิ์ดาทำให้เกมปิดเข้าทาง เป๊ป ผมมองเอาไว้แนวๆนี้ตั้งแต่กแรก

ครับไม่มีอะไรแน่นอนในโลกใบนี้เมื่อทุกอย่างผิดคาดไปหมด “หงส์แดง” ในวันนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมาๆโดยเฉพาะเกมรับ!!

โจ โกเมซ ที่ทุกวันนี้ไปไม่ถึงไหนเพราะขาด “ความสม่ำเสมอ” กลับมีเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในชีวิต (ถ้าไม่ใช่ที่สุด)

การคอย “เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว” ช่วย มิลเนอร์ คือที่สุดของแจ้ การอ่านจังหวะบอลวันนี้ “โกเหม่อ” ไร้ที่ติ รวมถึงช็อตเด็ดช่วย “ตั๊น” ลูกเทคโหม่งของ ฮาลันด์ ช่วงท้ายเกมยังตราตรึง

นอกจากองค์ลงของ โกเมซ แล้ว วันนี้ JK ปรับวิธีรับในการเจอกับ ซิตี้ ตามสภาพวัตถุดิบด้วยการให้เด็กๆเพรสสลับกับการถอยร่นมาคุมโซน

แรงจูงใจในการลงเล่นเกมใหญ่มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติของนักเตะอยู่แล้วครับ เราจะเห็นได้ว่านักเตะทุกคนของเจ้าถิ่นพยายามไม่เสียบอลในแอเรียอันตรายและช่วยวิ่งไล่กันทุกเม็ด

ต่างจากเจอกับคู่แข่งในอีกระดับนึงที่มักคุมตัวหลวม คิดว่าเดี๋ยวเพื่อนก็เอาอยู่แต่เกมนี้ไม่มีใครคิดแบบนั้น

เจมส์ มิลเนอร์ ในตำแหน่งแบ็คขวาเป็นจุดที่น่าห่วงที่สุดเมื่อ line up ออกมาเพราะปีก่อนเจอ ฟิล โฟเด้น เผาเครื่องจนเสียคน

แต่อย่างที่บอกครับด้วยความเป็น “ซิตี้” และ “เป๊ป” ฝั่ง ลิเวอร์พูล รู้ว่าเป็นบ่อให้เจาะแน่นอนเราจึงเห็นการเอียงขวาของนักเตะเจ้าถิ่นช่วย cover “ท่านรอง” กันเป็นพิเศษทั้ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ โจ โกเมซ รวมถึง ฟาบินโญ่

อย่างไรก็ตามสำหรับพวกเราที่ดูบอลคู่มันๆระดับ 5 ดาวต้องเสียอรรถรสไปพอสมควรกับการตัดสินของ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ที่แต่ละดอกนี่ “อีหยังวะ”

การพุ่งเสียบแบบสิงร่างจากด้านหลังโดยไม่โดนบอลของ โรดี้ ใส่ โม ซาลาห์ ในครึ่งแรกคือเหตุการณ์เปิดหัวที่ทำให้พวกเราเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ

ฟาบินโญ่ ถูก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดึงเสื้อตัวเอียงล้มหัวทิ่มทั้งๆที่บังบอลได้แล้วหรือ แบร์นาโด้ ดึงเสื้อฉุด ซาลาห์ แบบยูโด

เหตุการณ์จังหวะอะไรแบบนี้มันไม่ได้ลึกลับซับซ้อนและเป่าไม่ยากเลยนะครับ

มันน่าตลกที่ต้องมาเสียเวลานั่งดู VAR ในจังหวะ ฟาบินโญ่ โดนทำฟาว์ล อย่าว่าแต่แฟนบอลเลยอาม่าอากงเห็นใครก็รู้ว่าดึงเสื้อ

ยังไม่รวมบางจังหวะที่ฝั่ง “เรือใบ” ควรได้ฟาว์ลแต่ก็ไม่ได้ด้วยนะครับ

การที่ เทย์เลอร์ แกไม่ทันเกมทำให้นักเตะอารมณ์ค้างและมาระบายใส่กันจนเกิดคู่ของ แบร์นาโด้ กับ ซาลาห์ ในช่วงท้ายเกม

คุณเห็น ซาลาห์ มีเรื่องกับใครไหมล่ะ? นัดนี้ เทย์เลอร์ จัดให้ไงครับ

คล็อปป์ เดือดปุดๆกับการตัดสินแบบนี้มาตั้งแต่ครึ่งแรกจนกระทั่งตบะแตกในจังหวะนี้และเจ้าตัวยอมรับแมนๆกับโทษใบแดงติดแบนคุมทีมข้างสนามนัดต่อไป

3 แต้มแรกของ “หงส์แดง” ในรอบ 4 นัดเกิดขึ้นคล้ายๆในวันที่พวกเขาจะเอาประตู อาร์เซนอล แล้วโดนสวนกลับ

แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าประตูสวยๆลูกนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยถ้าไม่ใช่นักเตะระดับ World class

การเปิดบอลยาวทั้งน้ำหนักและทิศทางที่ “เป๊ะเวอร์” ของ อลิสซอน และการพลิกบอลหมุนหนี คันเซโล่ ของ ซาลาห์

ที่เหลือเชื่อและอเมซิ่งคือตอนเอาบอลลงพร้อมกับหมุนตัวไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ บอลสด

ที่สำคัญเป็นประตูที่เกิดขึ้นหลัง JK เปลี่ยนตัวและเปลี่ยนระบบเพียง 4 นาทีด้วยการให้ “บังโม” ยืนหน้าเป้าในฟอร์แมต 4-2-3-1

อย่างที่เราเห็นๆกัน ตำแหน่งที่ ซาลาห์ เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดต้องเล่นอยู่ในหน้าเขตโทษ(หรือริมเขตโทษ) ไม่ใช่ชิดริมเส้น

นอกจากผู้ตัดสินที่สร้าง content ในเกมนี้แล้ว ดาร์วิน นูนเญซ แสดงออกชัดเจนว่า “หิวแสง” กระหายประตูจัดๆโดยไม่สนโลกแม้กระทั่งหลุดเดี่ยว 3 ต่อ 1

ยังดีที่จังหวะนี้ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆกับชัยชนะที่ได้มาในบั้นปลายแต่อย่างน้อย “หนูน” ทำให้ใครหลายๆคน (หรืออย่างน้อยๆก็ผม) กลับมา “เอ๊ะ” ว่าสรุปแล้วมรึงกำลังจะมาหรือนี่คือตัวตนจริงๆ?

เพราะลูกแบบนี้ไม่ต้องอ้างเรื่องการปรับตัว ไม่ต้องอ้างเรื่องความฟิต ไม่ต้องอ้างเวลาในการพิสูจน์ตัวเอง นักบอลส่วนใหญ่เขาก็ต้องจ่ายให้เพื่อนไหมครับ?

คุณต้องมองประโยชน์ของทีมมาก่อน ต่อให้ไม่ใช่ แมนฯซิตี้ คุณต้องปิดเกมลูก 2 ให้ได้เรื่องอื่นค่อยว่ากัน

การติดโชว์ชิพแป๊กในจังหวะหลุดเดี่ยวตอกย้ำให้เห็นว่า “หนูน” ยังห่างไกลจากความคาดหวังของโค้ชและแฟนบอลหลายขุม

ครับถ้าใครถามผมว่าชัยชนะเหนือ แมนฯซิตี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนในฤดูกาลนี้ของ​ “หงส์แดง” หรือไม่

อย่างที่ทราบ ผมไม่ใช่คนโรแมนติกที่คอยประดิษฐ์ประดอยคำพูดให้กำลังใจแฟนทีมเดียวกันหลังจบเกม

ผมยังมองว่าการใช้พลังงานแบบโอเวอร์โหลดอย่างที่เล่นกับ ซิตี้ ทำแบบนี้ไม่ได้ทุกนัดเพราะเราเห็นแล้วว่า คล็อป์ เจอปัญหาบาดเจ็บ ดิโอโก้ โชต้า เพิ่มไปอีกคนแล้ว

เชื่อว่าการ recover สภาพร่างกายหลังจบเกมนี้ของนักเตะน่าจะมีเอฟฟเคกับเกมนัดต่อไปที่มีเวลาให้พักแค่ 2 วันแน่ๆครับ

รวมถึงในแง่ของแท็คติกเมื่อคู่ต่อสู้ลดระดับความน่าเกรงขามลง การเล่นแบบรัดกุมหรือระแวดระวังซึ่งกันและกันจะน้อยตามไปด้วย

ในขณะที่เกมเยือนยังเป็นตัวฉุดรั้งอันดับในซีซั่นนี้ (ยังไม่ชนะใคร) เกมที่ แอนฟิลด์ ถือเป็นเดอะแบกที่วันนี้ช่วยให้ “กระดึ๊บ” หนีห่างจากโซนตกชั้นจาก 2 เป็น 5 แต้ม

หากไม่อยากให้ชัยชนะเหนือ ซิตี้ ที่เลือดตาแทบกระเด็นต้องสูญเปล่า เกมกลางสัปดาห์กับ เวสต์แฮม ที่แอนฟิลด์ 3 แต้มสถานเดียวครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

นี่เป็นการเก็บ “คลีนชีต” หนที่ 19 จาก 38 เกมในพรีเมียร์ลีกของ โจ โกเมซ เมื่อจับคู่กับ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์

สถิติของ โกเมซ “แมน ออฟ เดอะ แมทช์” ในเกมนี้คือเคลียร์ 6 ครั้ง,โหม่งเคลียร์ 3 และแย่งบอลกลับมาได้อีก 10

โม ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับ 14 ประตูในการเจอกับ แมนฯซิตี้ ทุกรายการในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล (9 ประตู 5 แอสซิสต์) เป็นตัวเลขที่มากกว่าทุกๆทีมที่เขาลงเล่นด้วย วิเคราะห์บอล

นอกจากนี้ ซาลาห์ กลายเป็นนักเตะคนที่ 2 ในพรีเมียร์ลีกที่ยิง “เท้าซ้าย” ครบ 100 ประตูตามหลัง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ทำได้ 105 ลูก

ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครที่ แอนฟิลด์ ในพรีเมียร์ลีกเป็นเกมที่ 28 (ชนะ 21 เสมอ 7) นับตั้งแต่วันมหาวิปโยคที่แพ้คาบ้าน 6 เกมติดต่อกันเมื่อเดือนมกราคม-มีนาคม 2021

แมนฯซอตี้ แพ้เกมเยือนพรีเมียร์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่เสียท่า สเปอร์ส เมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ยุติสถิติไร้พ่ายเกมเยือนของสโมสรไว้ที่ 22 เกม

เป๊ป กวาดิโอล่า แพ้ เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นเกมที่ 11 โดยเป็นการแพ้คู่ปรับตัวฉกาจมากกว่ากุนซือคนอื่นๆถึง 4 เกมเลยทีเดียว

ผลเสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด เจ๊าแบบโนสกอร์เป็นเกมที่ 76 ในพรีเมียร์ลีกโดย 31 จาก 76 เกมเกิดขึ้นนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีไทร์เมื่อปี 2013 (41%) นับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดเหนือทุกทีมนับตั้งแต่ออกสตาร์ตปี 2013-14

เกป้า ออกแรงเซฟถึง 7 หนในเกมที่เก็บคลีนชีตเหนือ แอสตัน วิลล่า ทำให้นายทวารชาว สเปน วัย 28 ปีเซฟมากที่สุด(โดยไม่เสียประตู) ในอาชีพค้าแข้งในลีกสูงสุด

ในวัย 23 ปีกับ 279 วัน เมสัน เมาท์ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ยิง 25 ประตูในพรีเมียร์ลีกให้ เชลซี ต่อจาก เอเด็น อาซาร์ ที่ทำไว้ 23 ปีกับ 271 วัน

บูกาโย่ ซาก้า เป็นนักเตะคนแรกของ อาร์เซนอล ภายใต้การทำทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ที่มีส่วนร่วมกับ 50 ประตูในทุกรายการโดยแบ่งเป็นยิง 26 ประตูและแอสซิสต์อีก 24